บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การทำงานของเลนส์

การทำงานของเลนส์

เลนส์จะเป็นตัวรวมแสงให้ภาพตกกระทบที่แผ่นรับภาพ CCD โดยมี IRIS (ช่องให้แสงผ่าน) กำหนดให้ภาพที่เกิดมีความเข้มของแสงตามต้องการ
- ในกรณีที่มีแสงมาก IRIS จะต้องเปิดน้อย
- ในกรณีที่มีแสงน้อย IRIS จะต้องเปิดมาก
ประเภทของเลนส์
1. FIX IRIS IRIS ของเลนส์จะไม่สามารถปรับได้ ทำให้จะต้องใช้ในสถานที่ภายในอาคาร ที่มีแสงสว่างคงที่ตลอดเวลา



2. MANUAL IRIS IRIS ของเลนส์จะสามารถปรับได้ด้วยช่างเทคนิคที่ติดตั้งกล้อง เหมาะสำหรับงานในอาคารที่มีความสว่างในแต่ละห้องไม่เท่ากัน
สามารถปรับแสงให้เหมาะในแต่ละห้องได้




3. AUTO IRIS เป็นเลนส์ที่ IRIS จะปรับขนาดของการรับแสงเอง โดยอัตโนมัติขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงที่ตกกระทบเลนส์ เหมาะสำหรับติดตั้งนอกอาคารที่ความสว่างเปลี่ยนตามแสงอาทิตย์



การเลือกใช้เลนส์



โดยทั่วไปจะมีมาตรฐานเกลียวอยู่2ชนิด โดยทั้ง2ชนิดนั้นจะมีเกลียวขนาด 1นิ้ว และมีลักษณะคล้ายๆกัน
- CS-mount ระยะห่างระหว่างตัวเซ็นเซอร์และเลนส์จะมีขนาด 12.5 มิลลิเมตร



- C-mount ระยะห่างระหว่างตัวเซ็นเซอร์และเลนส์จะมีขนาด 17.5 มิลลิเมตร โดยสามารถที่จะใช้ C/CS
Adapter ring เพื่อที่จะแปลงเลนส์แบบ C-mount ไปเป็นแบบ CS-mount ได้



- Sensor size (ขนาดของตัวรับภาพ) เลนส์โดยทั่วไปนั้นจะสร้างภาพที่มีขนาดใหญ่พอสำหรับตัวเซ็นเซอร์ โดยที่เซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะมีราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย โดยที่เลนส์ที่มีขนาด ½ นิ้ว ก็จะใช้งานได้สำหรับเซ็นเซอร์ที่มีขนาด 1/2 นิ้ว, 1/3 นิ้ว และ ¼ นิ้ว จะไม่สามารถใช้ได้กับเซ็นเซอร์ที่มีขนาด2/3 นิ้ว ถ้าคุณเลือกเลนส์สำหรับเซ็นเซอร์ขนาดเล็กมาใช้งานกับเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ ก็จะได้ภาพที่มีมุมเป็นสีดำ
- Focal length (ความยาวของจุดโฟกัส) ความยาวของจุดโฟกัสประกอบกับขนาดของเซ็นเซอร์จะให้มุมที่ดูแตกต่างกัน โดยถ้าขนาดความยาวของโฟกัสสั้นจะให้มุมมองที่กว้าง(wide-angle view) ถ้าขนาดความยาวของจุดโฟกัสยาว จะให้มุมมองที่แคบลง(telephoto view)
เลนส์ ที่มีมุมมองที่กว้าง(wide-angle view) จะมีมุมมองส่วนลึกของพื้นที่ได้ดีกว่าเลนส์ที่มีมุมมองแคบ(telephoto view) นั้นหมายความว่าคุณสามารถที่จะโฟกัสภาพเข้ามาใกล้ได้จากระยะไกล ซึ่งเลนส์ที่มีมุมมองแคบจะต้องการการโฟกัสภาพที่ถูกต้อง แน่นอนกว่า
รูปแบบหลักของเลนส์มีอยู่3แบบคือ
- Mono-focal. ความยาวของจุดโฟกัสนั้นถูกกำหนดมา เช่น 4 มิลลิเมตร
- Zoom. ความยาวของจุดโฟกัสนั้นสามารถที่จะปรับได้โดยอยู่ในระยะที่กำหนด เช่น 4 ถึง 10 มิลลิเมตร
- Varifocal zoom. เป็นเลนส์ซูมที่มีราคาค่อนข้างต่ำ โดยถ้ามีการเปลี่ยนระยะห่างของจุดโฟกัส เลนส์นั้นจะต้องมีการปรับตั้งโฟกัสใหม่ โดยทั่วไปจะมีขนาด 3.5 ถึง 8 มิลลิเมตร
ตัวอย่าง
ขนาดภาพขนาดใดที่คุณสามารถที่จะเห็นได้ในระยะ10 ฟุต ถ้าคุณใช้กล้องที่มีขนาดเซ็นเซอร์ ¼ นิ้ว และใช้เลนส์ขนาด 4 มิลลิเมตร? H = D x h / f = 10 x 3.6 / 4 = 9 ft
- Iris(รูรับแสง)ในส่วนของ Iris จะเป็นส่วนที่ใช้กำหนดปริมาณของแสงที่จะผ่านไปสู่เลนส์ โดยที่จะมีลักษณะแตกต่างกันอยู่ 3 แบบคือ
- Manual Iris. หมุนปรับได้ที่วงแหวนIris หรือเลือกใช้เลนส์ที่กำหนดค่าIris มาแล้ว โดยเลือกขนาดของIris ทีมีให้ เช่น F1.4, F2.0 เป็นต้น
- DC Auto Iris. เชื่อมต่อเข้าที่ช่องต่อ output ของตัวกล้อง โดยที่Iris จะถูกควบคุมโดยตัวกล้องโดย Digital Signal Processor (DSP)
- Video Auto Iris. Iris จะถูกควบคุมโดยสัญญาณวีดีโอ
เลนส์ แบบออโต้ไอริสนั้น เหมาะสำหรับงานที่อยู่ภายนอกอาคาร โดยเลนส์นั้นจะสามารถปรับแสงให้เหมาะกับสภาพแสงขณะนั้น โดยที่จะให้คุณภาพแสงที่ดีที่สุด และยังสามารถป้องกันตัวรับภาพจากปริมาณแสงที่มีเข้ามามากเกินไป
- F-number
F-number =Focal length / Iris diameter
ถ้าจำนวน F น้อย จะทำให้คุณภาพของภาพนั้นดีกว่าในสภาวะที่มีแสงน้อย
กับ เลนส์ที่เป็นออโต้ไอริสนั้น จะต้องตั้งโฟกัสภาพในขณะที่มีแสงน้อยเสมอ เพราะถ้ามีการตั้งโฟกัสในขณะที่มีแสงสว่างเยอะนั้น อาจจะทำได้ง่าย แต่ว่าในขณะที่แสงนั้นน้อยลงจะทำให้เส้นผ่านศูนย์กลางของรูรับแสงปรับเล็กลง และอาจจะทำให้ภาพนั้นไม่อยู่ในโฟกัสได้ คุณสามารที่จะใช้ตัวกรองแสงสีดำแบบพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้เราลดปริมาณแสงได้ ตัวกรองแสงนี้จะช่วยในการติดตั้งกล้องของคุณได้
ที่มา :  http://www.metroweb.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น